1.โรคไข้หวัด
โรคไข้หวัดถือเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ทุกฤดู แต่เมื่อเข้าสู่หน้าหนาวจะเป็นง่ายและเป็นบ่อยขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่าเลยทีเดียว ในส่วนของโรคไข้หวัดนั้นส่วนมากจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส โดยติดต่อจากการสูดละอองฝอยจากการจาม อาการของไข้หวัดจะมีทั้งไอ จาม มีน้ำมูกใส คัดจมูก มีไข้ต่ำ และปวดเมื่อยตามตัว
2.โรคไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ อาการของโรคชนิดนี้จะเหมือนเป็นไข้หวัดทุกอย่าง เพียงแต่จะรุนแรงกว่า โดยจะมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว ปวดหัวรุนแรง ไอมีน้ำมูก อาเจียน ถ่ายเหลว และเจ็บคอ
3.โรคปอดบวม
โรคปอดบวมคือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสที่ถุงลมปอด ทำให้เกิดการอักเสบที่บริเวณดังกล่าว ในส่วนของอาการของโรคปอดบวม มีทั้งไข้สูง หอบเหนื่อย ไอมีเสมหะ แน่นหน้าอก โดยโรคปอดบวมมักจะเกิดหลังจากเป็นไข้หวัดเรื้อรัง หรือเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด
4.โรคหัด
โรคหัดคือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหัด โดยโรคนี้มักจะพบในเด็กเล็กหรือเด็กวัยเรียน อาการของโรคหัด จะมีทั้งเป็นไข้ ตาแดง มีน้ำมูกไหล ไอแห้ง และหลังจากมีไข้ประมาณ 3-4 วัน จะมีผื่นแดงขึ้นที่หลังใบหู ใบหน้า จนลามมายังลำตัวและแขนขา อีกทั้งยังอาจมีตุ่มที่กระพุ้งแก้มและฟันกราม แต่หลังจากผื่นขึ้น 2 วัน อาการไข้จะเริ่มลดลง ใดๆ คือ พ่อแม่ควรระวังเรื่องอาการแทรกซ้อน เช่น หูชั้นกลางอักเสบ ปอดบวม สมองอักเสบ และถ่ายเหลว
5.โรคอุจจาระร่วง
โรคอุจจาระร่วงที่เกิดขึ้นในช่วงหน้าหนาวมักจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น โรต้าไวรัส โดยโรคดังกล่าวนี้มักจะพบในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ในส่วนของอาการจะมีถ่ายเหลว อาเจียน ก้นแดง มีไข้สูง กินอาหารได้น้อย และร่างกายมักจะอ่อนเพลีย
6.โรคอีสุกอีใส
โรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอีสุกอีใส โรคชนิดนี้มักเกิดในเด็กเล็กและเด็กในวัยเรียน เป็นโรคที่สามารถติดต่อทางการสัมผัสตุ่มน้ำโดยตรง หรือแม้ทางการหายใจก็สามารถติดต่อได้เช่นกัน ในส่วนของอาการของโรคอีสุกอีใสคือ มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว มีผื่นแดงขึ้นที่บริเวณใบหน้าและลำตัว ต่อมาก็จะเป็นตุ่มน้ำใส ซึ่งอาจเป็นตุ่มหนอง เมื่อตุ่มแตกก็จะตกสะเก็ด โดยรวมของอาการที่เกิดขึ้นจะใช้เวลารวมประมาณ 7-10 วัน